การดูแลรักษาเครื่องปรับอากาศหรือแอร์ในบ้านนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย รวมถึงประสิทธิภาพในการทำงานและอายุการใช้งานของตัวเครื่อง การล้างแอร์จึงเป็นขั้นตอนที่ไม่ควรมองข้าม หลายคนอาจจะสงสัยว่าควรล้างแอร์บ่อยแค่ไหนในหนึ่งปีจึงจะเหมาะสม คำถามนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย ล้างแอร์แต่ในความเป็นจริงมีหลายปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณา และในบทความนี้เราจะมาพูดถึงคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องนี้ ล้างแอร์เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมและมีข้อมูลครบถ้วนโดยทั่วไปแล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบปรับอากาศมักจะแนะนำให้ล้างแอร์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เป็นอย่างต่ำ ซึ่งก็คือทุก ๆ 6 เดือน แต่ในบางกรณีอาจจำเป็นต้องล้างบ่อยกว่านั้น ล้างแอร์ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ลักษณะการใช้งาน ความถี่ในการเปิดแอร์ สภาพแวดล้อมในบ้านหรือบริเวณที่อยู่อาศัย และจำนวนผู้อยู่อาศัยในบ้าน

การล้างแอร์ที่ดีรวมถึงการทำความสะอาดแผงคอยล์เย็น พัดลม แผ่นกรองอากาศ

ถ้าคุณอาศัยอยู่ในเขตเมืองที่มีฝุ่นควันมาก หรือมีสมาชิกในบ้านที่เป็นภูมิแพ้ หรือมีสัตว์เลี้ยง แนะนำให้ล้างแอร์บ่อยกว่าปกติ เช่น ทุก ๆ 3-4 เดือนล้างแอร์ เนื่องจากฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกจะสะสมได้เร็ว ทำให้เกิดปัญหาทั้งในแง่ของสุขภาพและการทำงานของแอร์ในกรณีของบ้านที่มีการเปิดแอร์เป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนที่อุณหภูมิสูงและมีการใช้งานอย่างต่อเนื่อง การล้างแอร์ทุก 3-4 เดือนจะช่วยรักษาประสิทธิภาพของเครื่องให้เย็นเร็ว กินไฟน้อย ล้างแอร์และไม่ต้องทำงานหนักเกินไป เพราะถ้าปล่อยให้แอร์สกปรกเป็นเวลานาน แอร์จะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อดึงอากาศผ่านแผ่นกรองที่อุดตัน

ส่งผลให้เครื่องเสียหายเร็วขึ้น กินไฟมากขึ้น และอาจมีปัญหาเรื่องกลิ่นอับ ล้างแอร์หรือเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียสะสมในระบบได้ง่าย ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการภูมิแพ้ ไอ จาม หรือโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจโดยตรงในกรณีของสำนักงาน อาคารพาณิชย์ หรือพื้นที่ที่มีการใช้งานแอร์ต่อเนื่องตลอดวัน เช่น ร้านค้า หรือร้านอาหาร แนะนำให้ล้างแอร์ทุก ๆ 2-3 เดือน หรืออาจบ่อยกว่านั้นตามคำแนะนำของช่างผู้เชี่ยวชาญ ล้างแอร์เพราะในสถานที่ลักษณะนี้ แอร์ทำงานหนักและต้องรับฝุ่นควัน กลิ่นอาหาร หรือความชื้นจากอากาศอยู่เสมอ ซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อประสิทธิภาพและความสะอาดของแอร์

การดูแลแอร์อย่างสม่ำเสมอไม่เพียงแต่จะช่วยประหยัดเงิน

หากปล่อยให้สกปรกจะทำให้เกิดปัญหาทางกลไก ระบบไฟฟ้า และปัญหาด้านสุขอนามัยได้ง่ายขึ้นนอกจากเรื่องสุขภาพและประสิทธิภาพในการทำงานแล้ว การล้างแอร์ยังช่วยประหยัดค่าไฟได้อีกด้วย บริการล้างแอร์จากการศึกษาพบว่า แอร์ที่ไม่ได้รับการล้างหรือบำรุงรักษาเลยในระยะเวลา 1 ปี มีแนวโน้มที่จะใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้นถึง 10-30% เมื่อเทียบกับแอร์ที่ล้างและดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งการใช้ไฟฟ้ามากขึ้นนี้ไม่เพียงแต่ จะส่งผลต่อค่าใช้จ่ายรายเดือนของคุณเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวมในแง่ของการใช้พลังงานมากเกินความจำเป็นด้วย ดังนั้นการล้างแอร์จึงไม่ใช่แค่เรื่องของสุขภาพและความสะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของความรับผิดชอบต่อสังคมและโลกใบนี้อีกด้วยอย่างไรก็ตาม การล้างแอร์ไม่จำเป็นต้องทำโดยเจ้าของบ้านเอง เพราะการล้างแอร์อย่างถูกวิธีควรเป็นหน้าที่ของช่างผู้ชำนาญที่มีอุปกรณ์และความรู้เฉพาะทาง